|
||||
|
||||
|
ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)"การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร" กรมส่งเสริมการเกษตร-----------------------------------------------------------------------------------------ดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1. บทนำกรมส่งเสริมการเกษตร โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ต่อไปนี้จะเรียกว่า กสก.) เป็นหน่วยงานของรัฐในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียน มีบทบาทหน้าที่ในการรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร เกี่ยวกับการประกอบกิจการในด้านการเกษตร พ.ศ. 2567 ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น เพื่อให้การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ในการดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร มีความมั่นคง ปลอดภัย น่าเชื่อถือ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว “การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร” เพื่อถือเป็นหลักการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้2. คำนิยาม- กสก. หมายถึง กรมส่งเสริมการเกษตร โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร- ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เช่น ชื่อ - สกุล ที่อยู่ เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น - ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น มีความเสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติ อย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น - การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น - เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ กสก. เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล - ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล - ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล 3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมการเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ กสก. เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในขั้นตอนการแจ้งขอขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร 2) อาจทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และนำไปผนวกเข้ากับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ กสก. ได้รับมาจากแหล่งอื่น เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบัน และเพื่อปรับปรุงคุณภาพ และประสิทธิภาพการให้บริการของ กสก. ให้ดียิ่งขึ้น 3) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่ กสก. เช่น การเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการ เพื่อประโยชน์สาธารณะแบบเบ็ดเสร็จแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นในฐานะที่ กสก. มีหน้าที่ตามพันธกิจในการดำเนินการจัดการให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล รวมถึง จากความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ กสก. นอกจากนี้ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ กสก. ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายประกาศนี้ให้บุคคลดังกล่าวทราบ โดยรวมถึงกรณีผู้เยาว์ให้แจ้งผู้ใช้อำนาจทางปกครองที่มีอำนาจกระทำแทนผู้เยาว์ทราบด้วย ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการแจ้งขอขึ้นทะเบียน และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร อาจเป็นผลให้ กสก. ไม่สามารถดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ 4. ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ กสก. ใช้ ประกอบด้วย
ในกรณีที่ กสก. มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามขั้นตอน การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือคัดค้าน การดำเนินการ อาจมีผลทำให้ กสก. ไม่สามารถดำเนินการหรือให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ทั้งหมดหรือบางส่วน 5. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมกสก. อาจเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
6. คุกกี้กสก. เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ https://efarmer.doae.go.th เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของ กสก. และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น7. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลกสก. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้1) จัดเก็บข้อมูลเกษตรกรที่ประกอบการเกษตรและผังแปลงการเพาะปลูก เป็นฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้มีความครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ตามความสมัครใจ โดย กสก จะทำการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลด้วยการติดประกาศในชุมชน และ/หรือ การประชาคม 2) นำข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรที่ได้รับการปรับปรุง ผ่านการตรวจสอบทางสังคม และการตรวจสอบพื้นที่มาวิเคราะห์ประมวลผลในภาพรวมของประเทศให้ถูกต้อง 3) สามารถนำข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรที่ประมวลผลแล้วไปเผยแพร่ บูรณาการ และเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปทั้งภาครัฐและเอกชน 4) เพื่อใช้ประกอบการจัดทำฐานข้อมูล ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลสถิติผู้ให้บริการทางการเกษตรแบบครบวงจร และเผยแพร่บนแพลตฟอร์มระบบผู้ให้บริการทางการเกษตร ระบบบริการข้อมูลเครื่องจักรกลทางการเกษตร หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับให้เกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปที่ต้องการใช้บริการเครื่องจักรกลและงานบริการด้านเกษตร 5) เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเผาในพื้นที่เกษตรหรือร่องรอยพื้นที่เผาไหม้ (Burn Scar) ในพื้นที่เกษตร ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร 6) เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งผลิตของผลผลิตทางการเกษตร (Traceability) 7) เพื่อเก็บรักษาและปรับปรุงข้อมูลอันเกี่ยวกับท่าน 8) จัดทำบันทึกรายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด 9) จัดเตรียมเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ การค้นคว้าวิจัย หรือจัดทำสถิติ ที่ กสก. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ 10)เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่งที่มีผลบังคับใช้ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลตามหมายศาล รวมถึงการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน เช่น รายงานผล การขึ้นทะเบียนเกษตรกร เป็นต้น 11) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสก. หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ กสก. เช่น โครงการและมาตรการของภาครัฐ โครงการประกันภัยพืชผล การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช เป็นต้น 12) การยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของ กสก. หรือติดต่อ ใช้บริการ หรือใช้สิทธิตามกฎหมาย 13) ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ทันสมัย 14) การประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง 15) ส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสารไปยังท่าน 16) เพื่อจัดทำและส่งมอบเอกสารหรือข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องและจำเป็น 17) ยืนยันตัวตน ป้องกันการสแปม (Spam) หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย 18) ตรวจสอบว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงและใช้บริการของ กสก. อย่างไร ทั้งในภาพรวม และรายบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการค้นคว้า และการวิเคราะห์ 19) ดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่ กสก. มีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุม การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของ กสก. 20) ดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสก. หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของ กสก. 8. ประเภทบุคคลหรือหน่วยงานที่ กสก. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในข้อ 7 ข้างต้น กสก. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานดังต่อไปนี้
9. ระยะเวลาในการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลกสก. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวข้องของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนี้ ยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น เว้นแต่กรณีที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตให้เก็บรักษาข้อมูลไว้นานกว่า เช่น ตามอายุความที่กฎหมายกำหนดสำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้อง เพื่อการดำเนินคดี หรือเพื่อการตรวจสอบของหน่วยงานที่กำกับดูแล เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว กสก. จะทำการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบข้อมูลส่วนบุคคล ที่คณะกรรมการหรือกฎหมายได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กสก. ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด10. การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วงกสก. อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ กสก. ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น เป็นต้นการมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลนั้น กสก. จะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของ กสก. ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และของบุคคลที่ กสก. มอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่ กสก. มอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของ กสก. เท่านั้น โดยไม่สามารถประมวลผล เพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้ ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล กสก. จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่าง กสก. กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 11. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลกสก. มีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะราย หรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าว ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ กสก. อย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล ที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดย กสก. มีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กร หรือเชิงเทคนิคตามมาตรฐานสากลและเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนดนอกจากนี้ เมื่อ กสก. มีการส่งโอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม เพื่อการดำเนินการ ตามกฎหมายหรือวัตถุประสงค์อื่น กสก. จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคล ที่เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยเสมอ 12. การเชื่อมต่อเว็บไซต์หรือบริการภายนอกบริการของ กสก. อาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์หรือบริการ ดังกล่าว อาจมีการประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากนโยบายนี้ กสก.ขอแนะนำให้ท่านศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการนั้น ๆ เพื่อทราบ ในรายละเอียดก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ กสก. ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าว และไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม13. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ โดยรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ประกอบด้วย1) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่ กสก. เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีที่ กสก. มีสิทธิปฏิเสธคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น 2) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 3) สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ กสก. ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด 4) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านในกรณีดังต่อไปนี้ ก) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ กสก. ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน ข) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย ค) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ ตามวัตถุประสงค์ที่ กสก. ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้ กสก. เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป เพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย ง) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ กสก. กำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 5) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่ กสก. มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น กสก. สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสก. เป็นต้น 6) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่ กสก. ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้น จะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดย กสก. เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ กสก. จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไป 7) สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก กสก. ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ 14. โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลการไม่ปฏิบัติตามนโยบายอาจมีผลเป็นความผิดและถูกลงโทษทางวินัยตามเกณฑ์ของ กสก. (สำหรับเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของ กสก.) หรือตามข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ทั้งนี้ ตามแต่กรณีและความสัมพันธ์ที่ท่านมีต่อ กสก. และอาจได้รับโทษตามที่กำหนด โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งกฎหมายลำดับรอง กฎ ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง15. การร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจกำกับดูแลในกรณีที่ท่านพบว่า กสก. มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียน ไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว กสก. ขอให้ท่านโปรดติดต่อมายัง กสก. เพื่อให้ กสก. มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของท่านก่อนในโอกาสแรก16. การปรับปรุงแก้ไขประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้อาจพิจารณาปรับปรุง หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ทราบโดยการประกาศที่เว็บไซต์ http://farmer.doae.go.th/privacynotice โดยระบุวันที่ มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับกำกับอยู่17. ช่องทางการติดต่อหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมการเกษตร เลขที่ 2143/1 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 หมายเลขโทรศัพท์ 02-955-1642 ,02-955-1640 อีเมล ict23@doae.go.th หรือติดต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน/เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก |
![]() |
© 2012
กรมส่งเสริมการเกษตร -- Department of Agricultural Extension
|
![]() |